สวัสดีครับ วันนี้ผมขออนุญาตเล่าเรื่องราวและแบ่งบันบันทึกการเดินทางของผมและผองเพื่อนครับ ในการขี่มอเตอร์ไซค์สองล้อคู่ใจของพวกเราครับ

ทริปนี้เราไป ตามเส้นทาง ด้งนี้ครับ การเดินทางแบ่งออกเป็นสองสาย สายแรกมาจาก จ.ขอนแก่น สายที่สองมาจาก จ.ระยอง นัดพบกันที่ จ.ตาก อช.ตากสินฯ หลังจากรวมพลกันได้แล้วการเดินทางแบ่งออกเป็นสองช่วงครับ ช่วงแรก อช.ตากสินฯ – อ.แม่สะเรียง – ท่าตาฝั่ง – บ้านแม่สามแลบ และ ช่วงที่สอง บ้านแม่สามแลบ-กลอเซโล

 

บทความนี้เป็น “ช่วงที่สองของการเดินทาง” ครับ ตามมาเลยครับ

“บ้านแม่สามแลบ” ตั้งอยู่ใน อำเภอสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นหมูบ้านชายแดนที่ติดอยู่กับประเทศพม่า กั้นระว่างกันด้วยลำน้ำสาละวิน หมู่บ้านเงียบสงบสวยงามครับ … ข้ามลำน้ำนี้ไปคือฝั่งพม่าครับ … มีจุดไฮไลท์ที่เป็นรอยกระสุนปืนจริงในบังเกอร์ชายแดนด้วย

นั่งมองลำน้ำสาละวินจากข้างบนหมู่บ้าน

 

ทริปนี้ คณะของเรามากัน 4 คัน 5 คนครับ R1250GS / F800 / NC750X / ST900

คณะของเราเดินทางมาถึง บ้านแม่สามแลบ ราวๆบ่ายสี่โมงเย็น ลัดเลาะออกมาจากทางตาฝั่งเรียบลำน้ำสาละวิน … ใช่ครับ บ่ายสี่โมงกว่า … ด้วยหนทางที่เอาเรื่องสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ๆที่ขนของเต็มๆอย่างเรา …. ทำให้การเดินทางตามเส้นทางธรรมชาติทำได้ช้ากว่าที่กำหนดไว้มาก

สมาชิกบางทางพอลงจากอานมอเตอร์ไซค์ได้ก็นั่งตรงนั้นเลย ก้าวขาไม่ออก เข่าล็อค มือชา แอลเคล็ด อาการทางร่างกายมาเต็ม ดูสภาพเพื่อนตู่ของผม คงเดาได้ว่าผ่านศึกอะไรมาบ้าง 555+

 

คณะเราเริ่มลังเลครับว่าเราควรจะไปต่อหรือไม่ เพราะ จุดหมายของเราคือ หมู่บ้านกลอเซโล ซึ่ง ตั้งอยู่ใน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ห่างออกไปราว 21 กิโลจากจุดนี้ เท่าที่เราได้ยินได้ฟังผู้คนกล่าวถึงจุดนี้ว่าทางขึ้นยากมาก แต่ในท้ายที่สุดเราตัดสินใจที่จะไปต่อครับ …. แต่ทำใจกันไว้แล้วว่าถึงมืดแน่นอน!!!

ดูจากแผนที่ 21 กม …. 21 กม เอง เอง เอ๊งงงงง

 

เมื่อตัดสินใจได้ก็เริ่มโหลดของครับซื้อน้ำซื้อท่าแล้วก็ไปต่อครับ ผ่านทางลาดยาง เข้าทางคอนกรีต ข้าทางฝุ่น ฝุ่น และ ฝุ่น … ขับกันนานครับ ไม่ถึงสักทีโก๋เป๋ง เนวิเกเตอร์ประจำทริป ตีไฟเลี้ยวจอดข้างทางบอกผ่านทางบูลทูธในหมวกว่า “ลงไปถามทางเถอะ กรูว่าหลงแล้ว” … เฉียบบบบบ

ลงไปถามชาวบ้านชาวบ้านก็บอกว่าเลยแล้วให้ย้อนกลับไปทางเก่า ย้อนกลับมาได้สักพักน้ำมันรถผมมันน้อยจนเป็นกังวลครับกลัวว่าจะไปไม่ถึง เราขี่รถมาทั้งวันเรายังไม่เจอ ปั๊มใหญ่ๆเลย ปั๊มหลออด ปั๊มขวดต้อนนี้ก็ไม่เลือกแล้วครับ มีอะไรเติมได้ก็เราไว้ก่อน … รถผมต้องกินสไปรท์แล้วล่ะครับงานนี้

 

ข้อสำคัญของการออกทริปคือเรื่องเสบียงคนและเสบียงรถ เรียนตามตรงว่าทริปนี้เราประมาทเรื่องเชื้อเพลิงของรถมากไป คิดว่าจะหาปั๊มใหญ่ได้ตลอด จนท้ายที่สุดได้ปี๊มหลอดช่วยเอาไว้

ฟ้าก็เริ่มมืด ทางก็เริ่มไต่ขึ้นเขา เส้นทางยากขึ้นตามลำดับครับ ถึงแม้ว่าเส้นทางไม่มีโคลนแล้วแต่ยังมีร่องลึกพร้อมหินลอยเตรียมท่าไว้คอยสกัดไบค์เกอร์อย่างพวกเรา จากที่ศึกษาเส้นทางกันมา เส้นทางขึ้นเข้าจะระยะไม่มากเพียงสิบกว่ากิโล …  แต่แน่นอนว่าพวกเราหลงทางระยะทางต้องมากขึ้นพอสมควร เส้นทางที่เราไปต้องขับๆจอดๆอยู่พักใหญ่เพราะต้องเปิดปิดประตู ครับ เปิดปิดประตูจริงๆ เป็นประตูกันวัวกันควายเดินออกนอกพื้นที่ของชาวบ้าน ประตูทำจากลำไม้ไผ่ รูดไป รูดมา

เอ้าพวก ออกแรงเปิดประตูกันหน่อย

 

ช่วงนี้ทางเริ่มชัน มืด และ ขดเคี้ยว แน่นอนครับ ล้มกันเละเทะครับ โดยเฉพาะ รถหนักอย่าง GS 1250 ที่ขนของสำหรับพักแรมมาเต็มเหนี่ยว ผมเดาว่าน้ำหนักพร้อมของน่าจะถึง 350 kg.

“เฮ้ยไม่ได้ล้มนะ ก็แค่เหนื่อยอยากจะพัก” เฮียตู่ เจ้าของรถบอก … จ่ะพอคุณ

 

มีรถชาวบ้านขับสวนลงมาเป็นระยะๆครับ มอเตอร์ไซค์บ้างรถใหญ่บ้าง … ช่วงสวนกันจังหวะถนนดีๆก็ไม่เป็นไรดอกครับ แต่ถ้าสวนกันตอนทางแคบร่องลึกนี่สี ลำบากหน่อย อย่างภาพด้านล่างนี้รถใหญ่สวนลงมาเร็วช่วงที่ถนนชัน จนทีมงานเราเสียจังหวะล้มแปะอยู่หน้ารถยนต์

ชาวบ้านหลายคนวิ่งลงมาจากรถเพื่อช่วยเรายกรถ ผมบอกไม่เป็นไรพี่พวกผมจัดการได้ คนขับขออภัยที่ลงเร็ว พี่บอกเราว่า เร็วเพราะรีบ มีคนท้องจะคลอดอยู่ในรถ ทีนี้พวกผมรีบยกรถกันใหญ่โตเลย ระทึกสุดๆ กลัวเขาไปไม่ทัน ขอให้ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกนะครับ

เอ้าฮึบบบบบ ช่วยกันยกหน่อย!!

 

ผมไม่ได้นับว่าเราล้มไปคนละกี่ครั้ง แต่สำหรับเรามันคือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน จอดคุยกันบ้าง นั่งพักบ้าง ไม่รีบ ไม่เร่งเร้า ไม่ใช่อะไรนะครับ หมดแล้วหมดแรง เราตกลงกันว่าจะไปต่ออีกหน่อยถ้าหมดกันจริงๆ ก็จะหยุดเดินทางแล้วหาที่เหมาะๆกางเต็นท์ค้างแรมกันเลย

 

คนก็จะหมดแรง น้ำมันที่เติมมาคนละเล็กละน้อยก็เหมือนจะหมด ในที่สุดเราก็เข้าหมู่บ้านสำเร็จครับ ตลอดการขับขี่สามสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผ่านมาหลายบ้าน หลายหมู่บ้านครับ แต่แสงไฟนั้นมืดสนิทเพราะไฟฟ้านั้นยังเข้าไม่ถึง จะเห็นแสงไฟอยู่บ้างก็เดาว่าจะจะไฟจากแบตเตอรี่ๆที่ชาวบ้านสำรองไว้ ในถิ่นธุรกันดารของบ้านเรายังมีอีกหลายๆจุดที่สาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ตลอดการเดินทางในทริปผมเห็นโครงการที่หน่วยงานรัฐเข้ามาพัฒนาระบบพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ในหลายๆหมู่บ้าน แต่ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับเส้นทางที่ผมผ่าน

ในที่สุดเราก็มาถึงหมู่บ้านครับ ไม่ใช่บ้านกลอเซโลแต่เป็นบ้านบุญเลอ!!! … สายตามผมเหลือบไปเห็นปั๊มหลอดคณะเรารีบตรงปรี่เข้าไปเลยครับ ผมร้องเรียกถามหาเจ้าของปี๊มท่ามกลางความมืดนั้น จะหวังนั้นก็มีพี่ใช้ไฟส่องกบมาขายให้ จังหวะนั้นเติมทุกครับครับ ไม่เลือกแล้ว เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น ขอกันคนล่ะ 3 ลิตร 5 ลิตร รถรอดแล้วเว้ยยยย

 

“พี่ครับ กลอเซโลไปทางไหน?” พี่เข้าชี้ไปในถนนที่มืดมิดเส้นหนึ่ง ที่เปรอะปะไปด้วยขี้วัวเส้นหนึ่ง
“ไปอีกไกลมั้ยครับ?” … “ไม่ไกล ไม่ไกล อีกไม่กี่โล” พี่ตอบมาเป็นภาษาพื้นถิ่นที่พอฟังออก

จังหวะนั้นเด็กน้อยผู้ชายวัยสิบกว่าๆคนหนึ่งเดินผ่าความมืดมาคาดว่าจะมาดูหรือไม่ก็มาช่วยผู้เป็นพ่อขายของ ผมจำไม่ได้ดอกครับว่าน้องหน้าตามเป็นอย่างไร เพราะ สายตามผมจ้องของที่น้องถือมาในมือมากกว่า!!

นี่มัน กลิ่นน้ำจิ้มสุกี้ เพราะ กับกลิ่นหมูย่างที่หอมกลุ่นลอยมา สิ่งที่น้องถือมามันคือ หมูกระทะ!!! … ผมดีใจมาคะยั้นคะยอถามว่ามีขายที่ไหน ซื้อมาจากตรงไหน พวกผมอยากกินบ้างจะไปซื้อ … ผู้เป็นพ่อยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “อ้ออ เมือกลางวันเข้า แม่สะเรียง เลยซื้อกลับมา” … พวกผมได้แต่มองหน้ากัน พอนึกถึงเส้นทางที่ขึ้นมาบวกกับทางดำที่ต้องไป อ.แม่สะเรียง อีก (ทางดินทางดำรวม ราว 50 กม.) … พอภาพเส้นทางลอยมาเราก็เลิกถาม พากันเดินออกมาด้วยความเงียบงัน

ปั๊มหลอดในตำนานที่บ้านบุญเลอ

 

หลังจากเดินทางออกมาจากบ้านบุญเลอไม่นานเราก็ถึงจุดกางเต็นท์บ้านกลอเซโลครับ ยี้ฮ่าห์!!! เรามาถึงแล้วเกสองทุ่มกว่า!!! ระยะทาง 30 กม. ขี่ไป 4 ชั่วโมง ทำเวลาได้ดีมากๆ ถ้าเป็นหน้าฝันดินลื่นๆ โคลนหนาๆ การเดินทางขึ้นมาบนดอยแห่งนี้จะยากเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ผู้ที่วางแผนเดินทางในหน้าฝนโปรดระมัดระวัง แต่หน้าหนาวดินแห้งแบบนี้สบายครับ สบายแบบที่คณะผมขึ้นมานี่ล่ะ กร๊ากกกกๆ

มีนักท่องเที่ยวอยู่บ้างราวๆสิบกว่าเต็นท์โดยมากจะขึ้นมาโดยรถ 4WD เป็นหลัก จุดกางเต๊นท์ไม่มีไฟฟ้าครับ แต่มีห้องน้ำไว้บริการ หลังจากช่วยกันกางฟลายชีทเสร็จ ผมตริงดิ่งเข้าอาบน้ำ จับอะไรที่พอจะกินได้ยัดใส่ท้อง แล้วก็หลับเลยเต็นท์ก็ไม่ได้กางด้วย สวมถุงนอนแล้วหลับทันทีเลยครับ เพลียจัดๆ

เช้ามืดราวตีห้ากว่านักท่องเที่ยวเร็มทำกิจกรรมกันก๊อกๆแก๊กๆ ผมก็ตื่นกับเขาด้วยเริ่มออกมาเดินคุยกับคณะอื่น ได้ความว่าผมอ้อมมา น่าจะประมาณสิบกิโลจากทางที่สั้นที่สุด ถึงว่าทำไมไม่ถึงสักที และ ก็สงสัยว่าทำไมทางที่เรามาต้องปิดเปิดประตูวัวบ่อยจัง นั่นเพราะว่าเรามาผิดทาง และ น่าจะมีอ้อมด้วย

ค่าบริการจุดกางเต็นท์ก็ถูกมาก 50 บาทต่อคน ไม่มีจุดจ่ายเงิน แต่ใช้การมองหาชาวบ้านที่ดูแลอยู่ สังเกตุไม่ยากครับคือชาวเดินไปเดินมานั่นล่ะ และถามเอาว่าจะจ่ายค่าบริการกางเต๊นท์

แสงเริ่มสาดส่องลงมาแล้ว ภาพตรงหน้าทำให้ยิ้มออก เพราะ ฉากนี้คือหมุดหมายของการเดินทางของเราในทริปนี้ “สายหมอกแห่งกลอเซโล”

 

เหล่าไบค์เกอร์

 

ผู้ร่วมเดินทางตามหา สายหมอกแห่งกลอเซโลทั้งห้า

 

วิวจากเต็นท์ ค่ากางห้าสิบบาทแต่ค่าซ่อมรถหมื่นห้า 555+

 

อากาศเย็นสบาย 18-19 องศา ดริปกาแฟร้อนๆทำกับข้าวง่ายๆรับอรุณ!!!

 

ตอนขึ้นขึ้นตอนมืดไม่ได้มองอะไรนอกจากทางหินข้างหน้า แต่ตอนลงมันสว่างจ้า วิว จัดจ้านทีเดียว

 

จังหวะลงเนินชันเนินหนึ่ง Triumph  ของผมเบรกหลังผมหายหมด เหยียบไปไม่มีเลย … เข้าเกียรย์หนึ่ง คลอเบรคหน้า ลงหลุมกลางไถลงมาฝุ่นตลบเลยครับ อันตรายมากๆ ไถลงได้หลายสิบเมตร ก็หามุมราบพยายามจอดรถเพื่อตรวจสอบ เพราะ ถ้าขี่ไม่มีเบรกหลังแบบนี้กลับไม่ถึงบ้านแน่นอน

ตรวจสอบพบว่าสายน้ำมันเบรกหนังหลุดครับ รีบจับยัดเข้าไปแล้วลองเหยียบๆปั้มๆเบรคดู ใช้ได้ครับ เบรกกลับมาก … เฮ้อออ โล่งอกมาก ไม่อย่างนั้นได้เรียกรถมาลากกลับ กทม. แน่ … สันนิษฐานว่าเกิดจากการล้มบ่อยๆ กระแทกแรงๆ ตลอดทางที่ผ่านมาทำให้สายอาจจะคลอน

 

จังหวะขึ้นเขาที่ล้มโดยมาจะเป็นการล้มแปะ ถ้าล้มความรุนแรงของอุบัติเหตุอาจจะไม่รุ่นแรงเท่าขาลง เพราะขาลงมีมีแรงหน่วง มีความเร็ว มีการไถลลื่นตามความลาดชัน ยิ่งถ้าระบบรถมีปัญหา อุบัติเหตุยิ่งเกิดได้ง่ายขึ้น … โครมมมมม!!!!  F800 เนวิเกเตอร์/มาแชลโก๋เป๋ง ร่วงไปแล้ว … ท่านหันกล่าวว่า “ล้มให้น้องๆมันดูว่าล้มอย่างไรให้ปลอดภัย”  ….. อ่อ ครับ คนปลอดภัยดี แค่ช้ำๆ 555+ ….  รถแกมีอาการเบรคหายเป็นพักๆตั้งแต่ตอนขึ้นแล้ว (กลับมาถึงบ้านยกเข้าซ่อมทันที ตอนนี้น่าจะอยู่บนเขียง)!!

 

คณะที่เหลืออีก 3 ลำจะเข้าเชียงใหม่ต่ออีกคืนที่ออบหลวง แต่เวลาของผมหมดแล้ว ผมขอแยกตัวเดินทางกลับระยองก่อน ทุกคนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยครับ ปิดทริป สาละวิน-กลอเซโล อย่างสวยงาม!!

ร่ำลากันด้วยภาพนี้ครับ แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางครั้งหน้าครับ

 

แอด. มาม่ากับปลากระป๋อง

https://youtu.be/qYdCFIDD1BM

https://tacticalcamp.com/

https://www.facebook.com/tacticalcamp

หากคุณใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อ ถือว่าคุณได้อนุญาตให้ติดคุกกี้เพื่อการให้บริการผ่านเว็บไซต์แทคติคอลแคมป์